ความแตกต่างระหว่างภาษีสรรพสามิตกับภาษีศุลกากรเฉพาะบุคคล ความแตกต่างระหว่าง
ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร
รัฐบาลกำหนดหน้าที่เป็นเครื่องมือในการจัดเก็บรายได้เพื่อดำเนินงานทางสังคมและการพัฒนาต่างๆ โดยผ่านทางภาษีและหน้าที่ที่รัฐบาลสามารถเรียกใช้รัฐได้
หน้าที่ซึ่งเป็นภาษีทางอ้อมสามารถเรียกได้ว่าเป็นภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นและยังผลิตในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้ว่าหน้าที่เป็นเพียงการเรียกเก็บในการผลิตและไม่เกี่ยวกับบุคคล หน้าที่ที่เรียกเก็บจากสินค้าที่ผลิตภายในรัฐสามารถเรียกได้ว่าเป็นหน้าที่ภาษีสรรพสามิต และหน้าที่ที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศก็คืออากรศุลกากร
ภาษีมูลค่าเพิ่มถูกกำหนดขึ้นพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการขาย เมื่อมองไปที่ราคาสินค้าภาษีสรรพสามิตเป็นส่วนสำคัญ ภาษีสรรพสามิตมีมูลค่า valoreum โฆษณาซึ่งหมายความว่าหน้าที่คำนวณโดยคำนึงถึงจำนวนสินค้าหรือปริมาณของสินค้า
อากรศุลกากรของสินค้าใด ๆ มีมูลค่าตามราคาที่ประเมินได้ เป็นองค์การศุลกากรโลกที่มีการพัฒนาคุณค่าที่ประเมินได้ แต่ละผลิตภัณฑ์ได้รับค่าหรือรหัสซึ่งมีตัวเลขตั้งแต่ 4 ถึง 10 หลัก ในทุกประเทศมีแนวโน้มทั่วไปที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในระดับสูงเกี่ยวกับสุราและยาสูบ
แต่ละประเทศมีกฎและระเบียบข้อบังคับและวิธีกำหนดและเก็บภาษีสรรพสามิตและอากรศุลกากร ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
เมื่อพูดถึงหน้าที่ทั้งสองขั้นตอนการบริหารการประเมินการริบการคืนเงินการอุทธรณ์และการตั้งถิ่นฐานส่วนใหญ่จะเหมือนกันทั้งในด้านภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร
สรุป
1 หน้าที่ที่เรียกเก็บจากสินค้าที่ผลิตภายในรัฐเรียกว่าหน้าที่ภาษีสรรพสามิต หน้าที่ที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศคือภาษีศุลกากร
2 มีการกำหนดภาษีสรรพสามิตพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการขาย เมื่อมองไปที่ราคาสินค้าภาษีสรรพสามิตเป็นส่วนสำคัญ
3 ภาษีสรรพสามิตมีมูลค่า valoreum โฆษณาซึ่งหมายความว่าหน้าที่คำนวณโดยคำนึงถึงจำนวนสินค้าหรือปริมาณของสินค้า
4 ภาษีศุลกากรของสินค้าใด ๆ มีมูลค่าตามมูลค่าประเมินได้ แต่ละผลิตภัณฑ์ได้รับค่าหรือรหัสซึ่งมีตัวเลขตั้งแต่ 4 ถึง 10 หลัก
5 เมื่อพูดถึงหน้าที่ทั้งสองส่วนใหญ่ของขั้นตอนการบริหารการประเมินค่าการริบการคืนเงินการอุทธรณ์และการตั้งถิ่นฐานจะเหมือนกันทั้งในด้านภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร