ความแตกต่างระหว่างมุสลิมกับชาวอาหรับ ความแตกต่างระหว่างชาวมุสลิม

Anonim

ชาวมุสลิมกับชาวอาหรับ

บ่อยครั้งมุสลิมและชาวอาหรับกำลังถูกยึดติดกับกลุ่มของกันและกัน หลายคนเชื่อว่าในวันนี้ว่าชาวมุสลิมเป็นชาวอาหรับและอาหรับเป็นชาวมุสลิม อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่กรณีเสมอไป

มุสลิมเป็นบุคคลที่นับถือศาสนาอิสลามดังนั้นมุสลิมจึงเป็นส่วนหนึ่งของนิกายทางศาสนา ชาวอาหรับในทางกลับกันเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่หรือเป็นเจ้าของภูมิภาคอาหรับหรืออาหรับ ดังนั้นพวกเขาจึงก่อให้เกิดสัญชาติที่รู้จักในระดับนานาชาติ พวกเขาพูดภาษาอาหรับ (อาหรับ) และสามารถเลือกความเชื่อหรือศาสนาที่พวกเขาวางแผนที่จะปฏิบัติตาม ในทางกลับกันชาวมุสลิมสามารถมีภาษาพื้นเมืองได้เกือบทุกภาษาในโลก

บางทีอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวมุสลิมและชาวมุสลิมถึงได้พันกันบ่อยๆคือความจริงที่ว่าภูมิภาคอาหรับเป็นแหล่งกำเนิดของศาสนา เป็นที่ซึ่งศาสนาส่วนใหญ่เริ่มงอกซึ่งรวมถึงศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ไม่ต้องเอ่ยถึงโมฮัมเหม็ด (ผู้เผยพระวจนะของอิสลาม) เป็นคนอาหรับดี อย่างไรก็ตามต้องสังเกตว่าพลเมืองอาหรับสามารถมีระเบียบทางศาสนาเช่นยิวอิสลามและศาสนาคริสต์ ดังนั้นนี้ทำให้เกิดคริสเตียนอาหรับและมุสลิมอาหรับ ในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอยู่กับสัญชาติของคุณคุณยังสามารถเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามได้ คุณสามารถเรียกได้ว่าเป็นมุสลิมอเมริกันหรือชาวมุสลิมอาหรับสำหรับกรณีดังกล่าว

ชาวอาหรับส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ ซีเรียซาอุดีอาระเบียและอิรักขณะที่ชาวมุสลิมอาศัยอยู่ส่วนใหญ่ในเอเชีย (ประมาณ 60%) ส่วนที่เหลืออยู่ในตะวันออกกลางแอฟริกาและอื่น ๆ ส่วนต่างๆในโลก

สุดท้ายจำนวนประชากรโลกล่าสุดที่ประมาณการว่าประชากรมุสลิมมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 1. 5 พันล้านคนทั่วโลกในปี 2009 (เกือบหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมดในโลก) ขณะที่ชาวอาหรับสามารถรวมกันได้ถึงหลายล้านคน. ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยในการระบุข้อเท็จจริงที่ว่าชาวมุสลิมมีจำนวนมากกว่าชาวอาหรับ

สรุป:

1. มุสลิมเป็นคนที่ยอมรับศาสนาอิสลามในขณะที่ชาวอาหรับเป็นชนชาติหรือสัญชาติ

2 ชาวมุสลิมสามารถใช้ภาษาต่างๆได้เนื่องจากสามารถอาศัยอยู่ได้จากทุกที่ทั่วโลกในขณะที่ชาวอาหรับส่วนใหญ่ใช้ภาษาอาหรับ

3 ชาวอาหรับมักมาจากตะวันออกกลางโดยเฉพาะจากอิรักซีเรียและซาอุดีอาระเบียขณะที่ชาวมุสลิมสามารถมาจากเกือบทุกมุมโลกส่วนใหญ่ในเอเชีย

4 มุสลิมมีจำนวนประชากรมากกว่าชาวมุสลิมทั้งหมด