ความแตกต่างระหว่างกริยาทรานสฟอร์เมชั่นและอินทรานซิฟเว่อร์ ความแตกต่างระหว่าง
คำกริยาทรานสฟอร์เรสและอินทรานซิสซึม
เป็นการยากที่จะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างกริยาสไปซ์และกริยาที่ไม่เกี่ยวข้องแม้ว่าคุณจะจำได้เมื่อใช้ในประโยค ความสามารถในการระบุตัวตนและใช้อย่างถูกต้องเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถในการแสดงออกได้ดีในการพูดและการเขียน
โปรดจำไว้ว่าเนื่องจากคำกริยามีการกระทำมีความหมายว่ามีบางอย่างในประโยคที่ได้รับอำนาจจากการกระทำ การกำหนดความแตกต่างหลักระหว่างคำพูดและคำพูดมีทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่ได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจหรือไม่ ถ้ามีวัตถุมันมีคุณสมบัติเป็นคำกริยา หากไม่มีวัตถุใด ๆ ถือว่าเป็นคำกริยาที่ไม่เกี่ยวข้อง
คิดคำรากเหง้าการขนส่งและนำไปใช้กับคำกริยา ถ้าคำกริยาคือการเดินทางข้ามไปยังวัตถุหรือถ้าคำกริยาไม่มีวัตถุใดที่จะให้การเดินทางข้ามไปจะเป็นการกำหนดประเภทของคำกริยาที่คุณใช้
กริยาสละสล่ายมีหน้าที่ในการให้การกระทำโดยเฉพาะและตรงกับวัตถุ ตัวอย่างเช่นประโยคง่ายๆเช่น "เธอส่งชุด" ประกอบด้วยคำกริยา (ส่งทางไปรษณีย์) ซึ่งมีการเสริมสร้างพลังอำนาจให้กับวัตถุ (แพคเกจ) โดยตรงอย่างตรงไปตรงมา
กริยาสกรรมกริยาสามารถระบุการกระทำผ่านทางอ้อมได้ วัตถุทางอ้อมเป็นตัวบ่งบอกถึงเจตนา ตัวอย่างเช่น: "เธอได้จัดส่งแพคเกจของเจนนิเฟอร์" เป็นตัวบ่งบอกถึงการเพิ่มขีดความสามารถของวัตถุในการดำเนินการในขณะเดียวกันก็ชี้แจงว่าใครเป็นผู้บรรจุหีบห่อ
กริยาที่เข้ามาไม่ได้บ่งบอกถึงการเพิ่มขีดความสามารถของวัตถุ "คุณกินมากเกินไป ประโยคนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหววัตถุ แต่คำกริยายังอธิบายถึงการกระทำโดยตรงและเงื่อนไขของการกระทำนั้น ในกรณีนี้คำกริยา (กิน) จะอธิบายสภาพ (มากเกินไป) เป็นปัจจัยเชิงคุณภาพ
ไม่ใช่คำกริยาจริงที่กำหนดว่าคำกริยาคือคำหรือคำพูดที่ไม่เข้ากัน แต่เป็นนัยโดยตรงของวัตถุหรือเงื่อนไข บ่อยครั้งที่คุณสามารถใช้คำกริยาที่จะมีคุณสมบัติเป็นทั้งสองอย่างได้ง่าย "ฉันร้องเพลงบ่อยๆ" เป็นคำกริยาที่ไม่ได้มีการแทรกแซงเนื่องจากไม่มีวัตถุที่จะช่วยให้ได้ "ฉันร้องเพลงป๊อป" เป็นคำกริยาเพราะมีวัตถุที่จะช่วยให้
สรุป:
1. กริยาเรื้อให้การเคลื่อนที่ไปยังวัตถุ
2 กริยาไม่ได้มีวัตถุ
3 คำกริยาที่ใช้เป็นคำกริยาใช้สำหรับประโยคที่อธิบายถึง 'เงื่อนไข'
4 คำกริยาที่ใช้สำหรับประโยคที่อธิบายถึงการกระทำของวัตถุ