ความแตกต่างระหว่าง GSM และ 3G เทคโนโลยีเครือข่าย

Anonim

GSM / 3G เทคโนโลยีเครือข่าย

GSM (Global System for Mobile Communication) และ 3G (3rd Generation mobile technology) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ที่ได้รับการพัฒนาตลอดเวลา GSM ได้รับการแนะนำให้เป็นมาตรฐานในปี 1989 ในขณะที่ 3G ได้รับการเสนอโดย 3GPP (Third Generation Partnership Project) ในปีพ. ศ. 2543 GSM และ 3G ใช้เทคโนโลยีการเข้าถึงหลาย ๆ ระบบสำหรับสถานีเคลื่อนที่เพื่อเข้าถึงเครือข่ายซึ่งจะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมในเครือข่ายด้วย.

GSM

โดยทั่วไป GSM ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีเคลื่อนที่ (2G) รุ่นที่ 2 ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือระบบดิจิตอล GSM เป็นเทคโนโลยี 2G ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี 2G อื่น ๆ ที่นำมาใช้ในทศวรรษเดียวกันเช่น IS-95 ในอเมริกาเหนือและ PDC (Personal Digital Communication) ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากก่อตั้ง ETSI (European Telecommunication Standard Institute) ในปี 1989 GSM กลายเป็นมาตรฐานทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ ส่วนติดต่อระบบ GSM air ใช้ช่วงเวลาแยกต่างหากในช่องความถี่แยกต่างหากสำหรับผู้ใช้แต่ละรายเพื่อให้มีการรบกวนน้อยระหว่างผู้ใช้ที่แยกกันสองรายที่เข้าใช้เครือข่าย GSM ใช้ช่องความถี่เดียวกันซ้ำในเซลล์ที่ไม่มีศูนย์กลางเพื่อให้เกิดการรบกวนระหว่างเซลล์ระหว่างเซลล์เพื่อนบ้าน อัตราข้อมูลที่เปิดใช้งานในระบบ GSM คือ 14 4 kbps

3G

3G เป็นไปตามข้อกำหนดของ IMT-2000 (International Mobile Telecommunication) ที่เผยแพร่โดย International Telecommunication Union เทคโนโลยีที่แตกต่างกันของ 3G ที่พัฒนาจากทวีปต่างๆและมาตรฐานยุโรปเรียกว่า W-CDMA (Wideband - Code Division Access Access) หนึ่งในอเมริกาเหนือเรียกว่า cdma2000 ขณะที่จีนใช้มาตรฐาน TD-SCDMA (Time Division - Synchronous CDMA) ปัจจุบัน 3GPP ได้เปิดตัวมาตรฐาน 3G รุ่นต่างๆโดยมีหมายเลขรุ่น R99, R4, R5, R6 และ R7 3GPP รุ่น 8 และ 9 ถือเป็นเทคโนโลยีรุ่นที่ 4 ซึ่งจะนำไปสู่ ​​LTE (Long Term Evolution) เทคโนโลยี 3G เช่น WCDMA และ CDMA2000 ใช้ Duplexing Division ความถี่ในขณะที่ TD-SCDMA ใช้ Duplexing Division Time ระบบโทรคมนาคมควรให้อัตราข้อมูลสูงสุดถึง 200kbps เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน IMT-2000 โดยที่อัตราข้อมูลสูงสุดของ 3GPP R99 ควรเป็น 384 กิโลบิตต่อวินาที

เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี GSM และ 3G 3G จะช่วยให้อัตราข้อมูล (แบนด์วิดท์) สูงขึ้นมากสำหรับผู้ใช้ปลายทางที่ไม่ใช่ GSM นอกจากนี้เทคโนโลยี 3G ยังใช้เทคโนโลยี packet switching สำหรับข้อมูลในขณะที่ GSM ใช้ข้อมูลที่เปลี่ยนวงจร

วิธีการเข้าถึงหลายวิธีที่ใช้ในระบบ GSM คือ TDMA (Time Division Multiple Access) และ FDMA (Frequency Division Multiple Access) ในขณะที่ 3G เป็น WCDMAดังนั้นใน 3G ผู้ใช้แต่ละคนจะกระจายสัญญาณในแบนด์วิธทั้งหมดเพื่อให้ผู้ใช้รายอื่นเห็นว่าเป็นสัญญาณรบกวนขาวหลอก (WCDMA) ในขณะที่ใน GSM ผู้ใช้แต่ละรายเลือกช่องความถี่แยกต่างหากและช่องเวลาที่แยกต่างหากในช่องเพื่อสื่อสาร GSM ถือเป็นเทคโนโลยียุคที่ 2 ในขณะที่ 3G เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดรุ่นที่ 3 ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน 3GPP

เมื่อเปรียบเทียบสถาปัตยกรรม 3G แนะนำโหนดใหม่ที่เรียกว่า Node-B และ RNC (Radio Network Controller) เพื่อแทนที่ BTS (Base Transceiver Station) ที่มีอยู่และ BSC (Base Station Controller) ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้บังคับให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่หันมาลงทุนอีกครั้ง (มีโอกาสน้อยในการอัพเกรด) ในด้านเทคโนโลยี 3G บนเครือข่าย GSM ที่มีอยู่เนื่องจากความไม่ลงรอยกันของเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีทั้งสองแบบด้วยเหตุผลข้างต้น

หนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาจากระบบ GSM เป็น 3G คือการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ 3G มีอัตราข้อมูลที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับ GSM โดยการใช้คลื่นความถี่ที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่น่ากลัวในหลายประเทศ แม้ว่า 3G จะดึงดูดการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็ทำให้อัตราข้อมูลที่สูงขึ้นมากซึ่งไม่สามารถส่งมอบกับ GSM ได้